
การหนีจากที่วุ่นวาย ไปนั่งนอนชิวๆ บนแพ ฟังเสียงน้ำเอื่อยๆ คงจะดีไม่น้อย แต่นั่นยังธรรมดาไป หากคุณมาที่บ้านน้ำราบนอกจากการได้ล่องแพ ดูป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์แล้ว ที่นี่ยังมีการเดินป่าขึ้นเขาเพื่อไปชมวิว 360 และอาหารทะเลแบบไม่อั้นโดยเฉพาะปู
การเดินทางมาตรังเดี๋ยวนี้ ตั๋วเครื่องบินไปตรังถูกมากๆ จองผ่านแอพ Traveloka สะดวก รวดเร็ว เวลาจ่ายเงินก็ง่าย ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็จองได้ มาถึงตรังแล้วเดินทางมาบ้านน้ำราบ อาจเช่ารถ หรือ นั่งรถประจำทางมากันตัง แล้วเหมารถเข้ามาก็ได้
มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องได้สาระดีๆกลับไปบ้าง ก่อนเขาจะปล่อยเราลอยแพ เอ้ย ล่องแพ ที่บ้านน้ำรายมีศูนย์การเรียนรู้ทรัพยากรทางทะเล

ทำไมป้าถ่ายรูปแก้วเปล่า หากเพื่อนๆสงสัยเราเป็นพวกเดียวกัน แต่มาทราบภายหลังว่า แก้วที่เห็นนี้จริงๆแล้วมีตัวอ่อนของปู ที่เราจะนำไปปล่อยกันวันนี้ ที่นี่จับปูขึ้นวันละหลายตัว ถ้ามัวแต่จับอย่างเดียวไม่นานก็หมด เขาเลยมีการเพาะพันธ์ูและปล่อยคืนสู่ทะเล เป็นการทำประมงอย่างยั่งยืน

เข็มสั้นชี้ไปที่เลข 10 เข็มยาวชี้ไปที่เลข 12 ก็ถึงเวลาที่เราต้องลงแพกันแล้ว ครั้งนี้มากัน ประมาณ 50 คน ใช้แพ 2 แพ ด้านในแพมีโต๊ะเก้าอี้พร้อม และมีวิทยากรมาบรรยายให้ความรู้ เป็นการบรรยายรอปูนึ่งไปในตัว

เมื่อปูนึ่งสุกแล้ว เอ้ย! วิทยากรบรรยายเสร็จ ก็ถึงเวลาแพเล็กต้องออกจากฝั่ง



แพลอยเรื่อยๆ บางคนก็ชมนกชมไม้ข้างทาง บางคนก็คุยกับเพื่อน ร้องเพลงเต้นรำกัน แต่ทุกคนแสดงออกถึงการมีความสุขที่มาที่นี่

หลังจากโม้กับเพื่อนๆอย่างออกรสออกชาติไม่นานนัก ก็ต้องถูกขัดจังหวะ เมื่อแพได้มาเทียบท่าที่เขาจมป่า ต้องเดินขึ้นเขาไปยังจุดที่ธงอยู่ด้านบน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ทางไม่ลำบากมากแต่ก็พอได้เหงื่อไม่น้อย


เหงื่อเริ่มไหลอาบหน้า เดินมาแบบไม่พัก พี่อู๊ดคุยโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ เมื่อวางสายหันกลับมาพูดให้กำลังใจเราว่า “เอ้อ พี่ลืม จริงๆ จะมีจุดพักเหนื่อยอยู่ 2 จุด เราเลยมาแล้ว” พี่อู๊ดยังสอบถามด้วยความเป็นห่วงว่า “พักไหม?” ไม่ทันละพี่ จะถึงแล้ว” การที่เดินมาเหนื่อยๆ แล้วมาเจอวิวโล่งๆสวยๆแบบนี้ มันทำให้หายเหนื่อยจริงๆนะ

นอกจากเห็นวิวพาโนโรม่า ยังเห็นแพกำลังลอยห่างเราไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เห้ย เดี๋ยวนะ!! นั่นแพผม เห้ย รอก่อนนน!!

พี่หลวงอู๊ดคนที่นำทางผมมาบอกว่า คนที่ไม่ขึ้นเขาให้เขาไปทานข้าวกันก่อน ของเรายังมีอีกลำ โล่งอกไป
ชมวิวที่เขาจมป่าเสร็จแล้วก็มาทานอาหารมีปูม้าเยอะมาก เพราะเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อยๆอื่นๆ ให้ลิ้มลองกัน

มีกิจกรรมให้ลองทำขนมโค (ขนมหนุมานคลุกฝุ่น) อันนี้แล้วแต่จะแจ้งผู้จัดทริปนะครับ


วิวข้างทางที่สวยงาม ทำให้การกินครั้งนี้ให้บรรยากาศต่างไปจากการกินแบบเร่งรีบในตัวเมืองไม่น้อย

เมื่อน้ำลดได้ระดับแล้ว ก็ไปที่ชายหาดที่ไกด์เรียกที่นี่ว่าทะเลแหวก ระหว่างทางไปมีจุดที่พี่หลวงอู๊ดบอกว่าคล้ายหัวใจ ผมเอาโดรนขึ้นไปบินดูก็ได้ภาพอย่างที่เห็นด้านล่างนี่แหละครับ


มาถึงจุดสุดท้ายของทริปนี้ ที่ชาวบ้านบอกว่าทะเลแหวกขนาดเท่าสนามฟุตบอล

คำว่าเท่าสนามฟุตบอลคงไม่เกินจริงนักสำหรับทะเลแหวกที่นี่ การมาเดินเล่นยามเย็น ลมพัดกระแทกกาย ช่วยให้ความกังวลอะไรหลายๆ อย่างปลิวหายไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

การไล่จับปูลมคงเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรก หากมาทะเลเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่สังขารที่ไม่เอื้ออำนวย และความกลัวที่จะถูกปูเหล่านั้นเยาะเย้ย เลยหันไปทำสิ่งที่มีประโยชน์อย่างเช่นปลูกหญ้าทะเลจะดีกว่า


บางวันเราใช้เวลาไปอย่างน่าเสียดาย แต่ 1 วันที่เราได้มาที่นี่ผมไม่รู้สึกเสียดายเวลาแม้แต่เสี้ยววินาที มันได้รู้สึกเติมเต็มอะไรบางอย่างของชีวิต ความเครียดที่สั่งสมในช่วงที่ผ่านมา รู้สึกว่ามันหายไปราวกับว่าธรรมชาติสามารถดูดซับมันได้ หากเพื่อนๆมีเวลา 1 วันแล้วอยากพักผ่อน ล่องแพ เรียนรู้ กินปู ดูวิวบนเขา ที่นี่น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีของเพื่อนๆครับ

งานนี้มิตรภาพมีราคา ใครเพื่อนน้อยต้องจ่ายแพง หากมา 24-25 คน คนละ 450 บาท ถ้า 20-21 คน คนละ 500 บาท ถ้าประมาณ 15 คน คนละ 650 บาท ถ้า 10 คน คนละ 780 บาท ถ้า 5 คน คนละ 1330 บาท ราคายิ่งมาเยอะยิ่งถูก (ราคารวมอาหารทุกอย่างแล้ว)
หากมากันน้อยไม่เกิน 5 คน อยากประหยัดๆก็ไปกับเรือหัวโทงที่ไม่ใช่แพได้ แต่อาจไม่มีอาหาร แล้วแต่ตกลงครับ

สอบถามเพิ่มเติม
โทร 0846297971 บังเดียะ