Skip to content Skip to footer

หนีตรัง..ไปเที่ยวปังๆที่ฝรั่งเศส

ผมเป็นคนพื้นเมืองตรัง เที่ยวแหล่งท่องเที่ยวตรังมาหลายแห่ง มีเจ้าของกิจการหลายคนชอบถามว่า ผมไปเที่ยวมาเยอะเห็นมาเยอะ ช่วยดูให้หน่อยนะว่าร้านหรือโรงแรมหรือแหล่งท่องเที่ยวของเขาควรปรับปรุงตรงไหนบ้าง ผมเลยต้องเดินทางออกนอกจังหวัดบ้างเพื่อดูว่าที่อื่นพัฒนาไปถึงไหนแล้ว และมาแนะนำพี่น้องชาวตรังกันต่อไป

ครั้งนี้เราไปกันที่ฝรั่งเศส (นอกตรังซะไกลเชียว) เมื่อจัดการเรื่องวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ผมจองตั๋วเครื่องบินการบินไทยกับ Traveloka  นอกจากจะได้ราคาที่ถูกกว่าแล้ว ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็สามารถจองได้ และก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างราบรื่นดี เราใช้เวลาบิน 12 ชม. ไปถึงฝรั่งเศส 7 โมงเช้า แนะนำให้นั่งฝั่งตะวันออกติดหน้าต่าง จะเห็นวิวสวยๆช่วงเช้า

เมื่อถึงสนามบิน Paris Charles de Gaulle (CDG)แล้วเราขับรถมาชมหอไอเฟลก่อนเลย สูงใหญ่สามารถมองเห็นได้ระยะไกล

มาชมใกล้ๆ ที่ ลานหน้าปราสาท Palais de Chaillot ครับเห็นความงามของสถาปัตยกรรมที่โดนแสงเช้ากระทบ ส่องประกายสวยงาม แต่ระวังกระเป๋าให้ดีนะครับที่นี่โจรชุกชุม

จากนั้น เราก็ไปกันที่ Les Invalides ชมสถาปัตยกรรม สวนสวยๆ และงานศิลปะ


ใกล้ๆกันนั้นจะเป็น Musée de l’Armée หรือ พิพิธภัณฑ์ทหาร แล้วเราไปต่อกันที่ ตึก Montparnasse เพื่อขึ้นไปชั้นบนดูมุมสูงทั่วเมืองปารีส ราคาตั๋วคนละประมาณ 600 บาท ซื้อตั๋วด้านล่างตึกได้เลย ก็สามารถขึ้นไปเห็นความงามของเมืองปารีสจากมุมสูงได้ รวมถึง Les Invalides ด้วย

หอไอเฟลจากตึก Montparnasse

จากนั้นเราก็ซื้อทัวร์ล่องแม่น้ำแซนครับ โดยล่องเรือรอบเมืองครับเห็นสถาปัตยกรรมสวยๆมากมาย มีไกด์บอกประวัติของแต่ละโบสถ์ด้วย

 

นอกจากชมอาคารต่างๆ ยังได้ชมความสวยงามของสะพานและประติมากรรมต่างๆด้วยครับ

เราเข้าที่พัก หลักๆเราจะพักกันที่บ้านญาติ และโรงแรม โรงแรมที่นี่ค่อนข้างแพง โดยเฉพาะที่ปารีส แต่เราสามารถจองที่พักปารีสผ่าน Traveloka และมีส่วนลดมากมาย ถือว่าประหยัดไปได้ระดับหนึ่ง

วันต่อมาเราลงใต้ไปกันที่ Mont Blanc (แปลว่าภูเขาสีขาว) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ สูงถึง 4810 เมตร ระหว่างทางเจอวิวสวยๆมากมาย

บ้านในหุบเขาข้างทาง

และเริ่มเข้าใกล้เข้าไปทุกที

มาถึงแล้วคนเยอะมากๆ ตั๋วประมาณ 2500 บาทต่อคน ต้องรอคิวขึ้นกระเช้า 2 ชั่วโมงครับ

เลยเดินเล่นรอบๆก่อน

มีคนเล่นพารามอเตอร์จำนวนไม่น้อย ที่ขึ้นไปชมบรรยากาศมุมสูง

มาถึงคิวเราซะที กระเช้านี้จุได้ประมาณ 20-30 คน กระจกเป็นรอยเยอะมาก ถ่ายรูปจากด้านในไม่ได้

กระเช้าจะขึ้นไปจุดแรก ก็เห็นความยิ่งใหญ่ของภูเขาชัดเจนมากขึ้น

ช่วงขึ้นไปชั้นที่สองจะผ่านเมฆ ช่วงหนึ่งที่เมฆปกคลุมจนมองไม่เห็นอะไรเลย เมื่อโผล่ออกจากเมฆทุกคนก็ร้อง ว้าว! พร้อมกัน

จะไม่ว้าวได้ไงวิวด้านบนสวยมากๆ วิวด้านบนนี้ช่วงหน้าร้อนประมาณ 3 องศาเซลเซียส

หากนึกภาพไม่ออกว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน เห็นจุดเล็กๆเรียงกันบนหิมะด้านล่างไหมครับ นั่นแหละครับคน เล็กยังกะมด

ซูมเข้าไปดู

ด้านบนจะเป็นอาคาร สามารถเดินไปได้หลายๆจุดเพื่อชมวิว

นี่เป็นวิวเมืองที่ห้อมล้อมด้วยภูเขาครับ

สำหรับการเดินไปจุดต่างๆ สะดวกสบาย มีลิฟต์ด้วย แต่พยายามอย่าเดินเร็ว ค่อยๆเดิน เหนื่อยก็นั่งพักทานน้ำอย่าฝืน

มีโพรงน้ำแข็งเป็นช่องทางให้นักปีนเข้าขึ้นลง

มาดูคนปีนเขาซะหน่อย

ด้านบนจะมีอาคารแยกให้เดินขึ้นไปอีก เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็ว่าได้ จะเห็นว่ามีห้องกระจกซึ่งด้านล่างเป็นกระจกใส เหมือนเรายืนอยู่บนอากาศเลย แต่ต้องรอคิวกันนานหน่อย และเรามีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการอยู่ด้านบนนี้ (เป็นกฏของเขา)

ขึ้นไปเขาก็จะให้ใส่รองเท้าของเขาและมีคนบริการถ่ายรูปให้ฟรี

เสร็จแล้วเราก็โบกมืออำลาเขาและกลับที่พัก

รุ่งขึ้นเรามากันที่ที่ถูกยกย่องให้เป็นที่หนึ่งของบรรดาปราสาททั้งหมดในลุ่มแม่น้ำลัวร์แห่งประเทศฝรั่งเศส คือ ใหญ่และอลังการที่สุด นั่นก็คือ Château de Chambord

ด้านในจะมีหลายห้อง แต่ละห้องแสดงงานศิลปะสวยๆมากมาย

พรม tapestry นี่เป็นลายถักทอจนเกิดเป็นภาพราคาแพงมากๆ

ห้องนอน สวยงามอลังการมาก

มีสวนรอบๆ และ สวนกว้างมาก คนดูเล็กไปเลย

และที่โด่งดังของที่นี่อีกอย่างคือบันไดวนคู่ โดยทั้งสองบันไดจะไม่เห็นซึ่งกันและกัน เงยดูจากด้านล่างขึ้นไปจะเป็นแบบนี้

ได้เวลาจากลา Chateau de Chambord แล้วไปอีกปราสาท นั่นก็คือ Chateau de Villandry โดดเด่นเรื่องสวนสวย ดังนั้นที่นี่เราซื้อตั๋วเฉพาะชมสวน ราคาอยู่ที่ประมาณ 200 กว่าบาท

ทุ่งลาเวนเดอร์

เดินขึ้นมาหลังประสาทจะมีจุดชมวิวอยู่

และจบไปอีกวัน แต่การเดินทางยังไม่จบ วันต่อมาเรามากันที่ พระราชวังแวร์ซาย คนเยอะมากๆ

ที่นี่บางวันเข้าชมสวนฟรี แต่ไม่มีการแสดงดนตรีน้ำพุ และมีการปรับปรุงสถานที่ เรามาตรงกับวันนั้นพอดี

สวนที่นี่มีหลายจุดแต่ละจุดกว้างมากๆ ถ้าจะเดินให้ทั่วต้องใช้เวลาทั้งวันเลยทีเดียว

เราเดินได้ซักพัก แล้วที่สุดท้าย ไปที่พิพิธภัณฑ์ Louvre ที่แสดงงานศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมากกว่า 35,000 ชิ้นเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา แต่เราไม่ได้เข้าไปชมงานศิลปะ มาชมความงามด้านนอก

เวลาที่สวยจะเป็นช่วงกลางคืน แต่เราไม่ได้มาช่วงนั้น เพราะฤดูร้อนกว่าจะกลางคืนก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว ไม่สะดวกกับการเดินทางครับ

และเช้าวันที่เราจะกลับเรามาแวะที่ มหาวิหารซาเคร-เกอร์ หรือมหาวิหารพระหฤทัยแห่งมงมาทร์เป็นโบสถ์และมหาวิหารรองในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีส หรือที่เรียกกันว่า “มงมาทร์” สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่พระหฤทัยของพระเยซู

เป็นอันจบทริปเที่ยวฝรั่งเศสของผมแล้วครับ ทริปต่อไปจะเป็นที่ไหนติดตามกันได้ที่เฟสบุ๊ค รีวิวตรัง


เพิ่มเพื่อน