กันตังเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดตรัง ที่น่าสนใจมาก ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตรัง ในอดีตกันตังเป็นเมืองท่าสำคัญ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำสำคัญมาแต่โบราณ การมาเที่ยวที่นี่ยังได้กลิ่นอาย และวัฒนธรรมโบราณอยู่ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรตามกันมาดูครับ
เพื่อให้ได้ราคาดีที่สุดเราจองตั๋วเครื่องบินและที่พักผ่าน Traveloka เพราะว่าจองง่าย สะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญราคาที่เห็นก็ไม่มีบวกเพิ่ม เวลาจ่ายเงินก็ง่าย ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็จองได้ เมื่อถึงตรังแล้ว ต่อรถจากตัวเมืองไปกันตัง หรือไปรถไฟก็ได้ หากใครมากจาก กรุงเทพโดยรถไฟขบวน 167 สามารถนั่งยาวไปกันตังได้เลย ถ้าใครนั่งขบวน 83 มาถึงตอนเช้าไปเดินเล่นในเมืองก่อนแล้วค่อยมาต่อรถไฟไปกันตังช่วงสายๆ แต่ต้องถามนายสถานีก่อนนะว่าเลทไหม และไปกันตังไหม ราคารถไฟจากตรังมากันตัง 11 บาท
มาถึงแล้วสถานีรถไฟกันตังที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ฮิตมาก สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป เพราะที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก
ถ่ายรูปกับป้ายรถไฟกันตังซึ่งเป็นปลายทางของรถไฟฝั่งอันดามัน
ถ่ายรูปกับรางรถไฟสวยๆ เนื่องจากเป็นปลายสายและรถไฟมารอบเดียว ทำให้ไม่ต้องกลัวว่ารถไฟจะมาชนครับ
ตัวอาคารเป็นสีเหลืองโดดเด่นทำด้วยไม้ สวยงาม คลาสสิค
ด้านในมีของโบราณ และข้อมูลทางประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษากัน
จุดเด่นของที่นี่อีกอย่างก็คือร้านเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ที่ชื่อว่า สถานีรัก ด้านหน้าเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยจุดหนึ่งเลยก็ว่าได้
ด้านในมีเบเกอรี่และ เครื่องดื่มขาย ผมอยากจะแนะนำน้ำมะม่วงเบาปั่น ที่นี่ถือว่าเด็ดเลย ใครไม่เคยกินต้องมาลอง
และที่นี่มีจักรยานให้เช่าด้วยคิดเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละกี่สิบบาทผมจำไม่ได้แล้วครับ(เพจนี้ข้อมูลแน่นมาก) ถือเป็นพาหนะที่ดีมากเพราะ สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่นี่อยู่ใกล้กันมากๆ แต่ถ้าเดินก็เหนื่อยอยู่ ปั่นจักรยานก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ
ห่างจากสถานีรถไฟกันตังประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะเป็นบ้านพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี ผู้เคยเป็นเจ้าเมืองตรัง และนำความเจริญมาสู่ อ.กันตัง และเมืองตรัง และยังเป็นบิดาแห่งยางพาราไทย
มีหุ่นขี้ผึ้งจำลองพระยารัษฎาฯ ให้ได้เราได้เห็น และรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ด้านในมีของโบราณ และรูปถ่ายที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
ถัดจากบ้านพระยารัษฎาฯ ไป กิโลเมตรกว่าๆ ก็จะเจอต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย
ต้นแรกคิดว่าจะสูงใหญ่ แต่เปล่าเลย ต้นขนาดตามที่อยู่ด้านหลังนะครับ
ซึ่งเมื่อก่อนประมาณปี พ.ศ. 2442 พระยารัษฎาไปดูงานที่มาเล และเห็นว่ายางพาราน่าสนใจ แต่นำกลับมาไม่ได้เพราะรัฐบาลอังกฤษซึ่งยึดครองมาเลเซียขณะนั้นหวงมาก ในพ.ศ. 2444 พระสถลสถานพิทักษ์ ได้ไปดูงานอินโด สามารถนำกลับมาได้ และในภาพนี่เป็นต้นแรก จากนั้นพระยารัษฎาฯ จึงส่งข้าราชการไปเรียนปลูกยางและถ่ายทอดความรู้ให้ชาวบ้านรู้จักทำสวน และแจกจ่ายยางพาราให้ชาวใต้ปลูกกัน ยุคนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นยุค “ตื่นยาง”
ห่างจากต้นยางพาราต้นแรกไม่ถึง 1 กิโลเมตร ก็จะเป็นสวนตำหนักจันทน์ ที่นี่นอกจากจะเป็นสวนสาธารณะให้พักผ่อนหย่อนใจแล้วยังมีคุณค่าทางประวัติศาตร์ เคยรับเสร็จรัชกาลที่ 6 เมื่อเสร็จประพาสเมืองกันตัง และในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ควนตำหนักจันทร์ได้ใช้เป็นที่ตั้งทัพของกองกำลังทหารญี่ปุ่นอีกด้วย
วิวที่นี่สามารถมองเห็นเมืองกันตัง และแม่น้ำกันตังชัดเจน
อุโมงค์กองทัพญี่ปุ่น
กลับมาบริเวณท่าเรือ จะมีศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองกันตัง
ถามว่าเรามาศึกษาไหม ป่าวเรามาถ่ายรูป
ล้อเล่น!! มาแล้วก็ต้องเดินๆ อ่านๆ บ้าง เขาจัดทำข้อมูลไว้ดีและตกแต่งด้านในสวยงาม มีภาพถ่ายประวัติศาสตร์ที่หาชมได้ยากด้วย มีน้องๆพนักงานคอยบริการดีมาก
มีหอคอยด้านบนให้ชมเมืองกันตังและแม่น้ำอีกด้วย
เรือที่นี่วิ่งไปวิ่งมาบ่อยมากและมีแพขนานยนต์ เป็นแพข้ามฝาก ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่อีกด้วย
ออกมาจาก ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองกันตัง ก็มาที่ท่าเรือแพขนานยนต์ สัมผัสแพขนานยนต์กันชัดๆ
ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า ท้องเราก็เริ่มหิว ร้านอาหารดังๆแถบนี้มีเยอะ เราไปกันที่ล่อคุ้ง ติดกับท่าเรือเมื่อกี้นะแหละ และนี่เป็นราดหน้า 5 คนทาน ใหญ่มาก ส่วนราคาเขาคิดเป็นคนครับ คนละ 140 บาท ถ้า 5 คนทานก็ 700 บาท และจะเสิร์ฟมาในจาดเดียวใหญ่ๆแบบนี้
กุ้งตัวใหญ่มาก แต่อย่าเพิ่งกินอิ่มกันไปก่อน เพราะทุกวันอาทิตย์จะมีตลาดต้องชม ที่เป็นถนนคนเดินของ อ.กันตัง ที่นี่อาหารดีราคาถูกกว่า ถนนคนเดินในเมืองครับ
วิวตลาดต้องชมยามเย็นกับหอคอยสีขาวที่เป็นศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองกันตัง และนกที่บินว่อนทั่วท้องฟ้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ และมีแพขนานยนต์คอยเทียบท่าอยู่ ที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกที่นี่ ชมดวงอาทิตย์ตกเสร็จก็มาเดินตลาดต่อเลย
อีกมุมก็จะเห็นเมืองกันตังที่ดูคลาสสิค
พวกเราขอตัวไปหาอะไรกินก่อนนะครับ ทริปต่อไปเราจะไปที่ไหนกัน อย่าลืมกดติดตาม รีวิวตรัง
ฝากกด subscribe channel ใน youtube ด้วยจ้าา กดที่นี่